“ทักษิณ” ควง“ภูมิธรรม-ทวี” หารือผู้บริหารสถานศึกษาผู้นำศาสนาและประชาชน หลัง “นายกอิงค์” ได้เทงบประมาณพัฒนาภาคใต้
วันนี้ (23 ก.พ.68) เวลา 10.30 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี/บิดา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมเดินทางมาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในรอบ 20 ปี หลังจากที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้นำคณะรัฐมนตรีประชุม ครม.สัญจรที่ จ.สงขลา และมีการอนุมัติงบประมาณในการพัฒนาด้านต่างๆในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้


จุดแรก นายทักษิณ และคณะ ได้เดินทางมายังวัดประชุมชลธารา ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี เข้ากราบนมัสการพระธรรมวัชรจริยาจารย์ หรือ ”พ่อท่านอ่อน“ เจ้าคณะภาค 18 และเจ้าอาวาสวัดประชุมชลธารา เป็นพระเถระชื่อดังด้านการพัฒนา ที่ได้รับการเคารพศรัทธาจนได้รับสมญานามว่า เป็นพระสงฆ์ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยพุทธและมุสลิม
โดยนายทักษิณได้มอบปัจจัยจำนวนหนึ่งเพื่อใช้ในการทำนุบำรุงพระศาสนา และพร้อมรับมอบพระ 1 องค์ ก่อนที่จะมีการพรมน้ำมนต์เพื่อเป็นสิริมงคล
จากนั้น นายทักษิณและคณะ ได้ประชุมร่วมกับผู้แทนสมาพันธ์ไทยพุทธ หอการค้า กำนัน ผวจ.นราธิวาส นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก และตัวแทนองค์กรเอกชน จำนวน 20 คน โดยไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ารับฟัง
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้หารือในเรื่องการปิดช่องทางข้ามธรรมชาติ ซึ่งเป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกดังกล่าวต้องเปลี่ยนไป โดยให้มีการประสานพูดคุยกับทางการมาเลเซียให้อนุโลม รวมถึงเรื่องความเลื่อมล้ำด้านการศึกษาที่โรงเรียนเอกชนจะได้รับเงินอุดหนุนที่ไม่เท่ากับโรงเรียนของรัฐ รวมไปถึงด้านการท่องเที่ยวการค้า ที่ประสบปัญหาซบเซา หากคืนกลับสภาพดังเดิมจะสามารถทำให้เศรษฐกิจภาพรวมของนราธิวาสดีขึ้น



ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่เป็นผลพวงคือปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ที่เชื่อว่าอดีตนายกทักษิณสามารถใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้านได้โดยไม่ยาก
หลังจากนั้น นายทักษิณ และคณะ ได้พบปะผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนาและผู้นำเครือข่ายชาวไทยพุทธ กว่า 1,000 คน ที่ได้มีการกางเต็นท์ไว้ภายในวัดประชุมชลธารา โดยชาวบ้านจำนวนกว่า 200 คน ได้มีการรำต้อนรับด้วยความอบอุ่นซึ่งนายทักษิณ อดีตนายกฯ ได้กล่าวกับพี่น้องประชาชน พร้อมสรุปใจความว่า
”ผมมาในวันนี้ในฐานะอดีตนายกฯลงมาเพื่อสานต่องานในสมัยที่ผมเป็นนายกฯ แต่ถูกปฏิวัติเสียก่อนเสียดายที่ของดีจ.นราธิวาส ทั้งแหล่งทิองเท่ยว ลองกอง ควรที่จะได้รับการผลักดัน ซึ่งผมได้หารือกับนายกฯมาเลเซียและกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อส่งเสริมและพัฒนาของดีขังหวัดนราธิวาส“
จุดที่ 2 นายทักษิณ และคณะ ได้เดินทางไปยังโรงเรียนสัมพันธ์วิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา ที่ต.จวบอ.เจาะไอร้อง มีนายมะสุขรี ซีเดะ ผอ.โรงเรียนสัมพันธ์วิทยา และคณะครูอาจารย์ นักเรียนผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่นและประชาชน คอยให้การต้อนรับ ก่อนที่จะมีการประชุมร่วมกับ ในการพัฒนาพื้นที่ ประมาณ 1 ชั่วโมงซึ่งนายทักษิณได้กล่าวถึงข้อผิดพลาดครั้งที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ ว่า
”ต้องขอโทษทุกคนทุกฝ่ายในเรื่องเหตุการณ์ตากใบ ที่ทำให้ทุกคนได้รับผลกระทบต่อชีวิต ผมกลับมาคราวนี้เพื่อที่จะสานต่อนโยบายต่างๆให้ลุล่วงเพื่อคนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้กลับมาอยู่ดีกินดี“
หลังจากนั้น ได้มีการรับประทานอาหารกลางวัน และนายทักษิณ อดีตนายกฯ ได้เปิดเผยว่า ความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นหัวใจสำคัญในการที่จะทำให้เกิดสันติสุขกลับคืนมาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งในพื้นที่แห่งนี้เราต้องมีการพูดคุยกันให้เข้าใจ โดยอาจจะเกี่ยวพันกับบุคคลที่เข้าไปอยู่ในต่างประเทศบ้างก็ต้องมีการพูดคุยกันโดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีกับผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งได้มีการพูดคุยกันอยู่อย่างต่อเนื่อง


”ทุกคนอยากเห็นประเทศไทยและอยากเห็นอาเซียนมีความสงบสุข เพื่อที่จะได้มีการลงทุน และมีการมาท่องเที่ยวมากขึ้น เพราะฉะนั้น ทุกคนยินดีที่จะร่วมมือกันหมด“ นายทักษิณ กล่าว และว่า
รู้สึกว่ายังไม่ได้รับความร่วมมือแบบนี้มาก่อน จึงเชื่อมั่นว่าเราน่าจะแก้ไขปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ดีกว่า ซึ่งการที่บุคคลทั้ง 2 สัญชาติ ซึ่งไม่มีความผิดใดๆในการข้ามด่านพรมแดนไปมาด้วยเพราะเข้าไปทำมาหากินและการไปเยี่ยมเยียนญาติพี่น้อง แต่ในกรณีที่ข้ามไปข้ามมาในการก่อการร้ายในประเทศไทยและหลบหนีไปยังอีกประเทศหนึ่งเราจะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยที่เราต้องมีการพูดคุยกันก่อน
และเมื่อคุยกันจบแล้วทุกอย่างมันสามารถที่จะปรับได้หมดว่าเราจะทำอย่างไรที่จะให้คนที่กระทำความผิดไปแล้วได้สำนึกผิดกลับมายังประเทศไทยดังเดิม ซึ่งต้องมีการพูดคุยกันในหลายขั้นตอน ซึ่งเป็นแนวที่เคยใช้สมัยที่พลเอกชวลิต(ยงใจยุทธ) ทำอยู่ก็เป็นผลดี ซึ่งในวันนี้อาจจะต้องมีการพูดคุยในหลายๆฝ่ายและปรับให้มันเป็นไปได้เพราะทุกอย่างเป็นไปได้ ซึ่งเวลาผ่านไป 20 กว่าปีแล้วก็อยากจะกลับมาเห็นว่าความรู้สึกของคนที่นี่เป็นอย่างไร ทัศนคติที่จะเห็นความปรองดองสันติสุขเกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ในวันนี้เท่าที่ได้มาเห็นมีด้านบวกขึ้นเยอะ และยิ่งไปกว่านั้นผมได้มีการประสานงานไปยังต่างประเทศด้วย ผมมั่นใจว่ามันเป็นสิ่งที่หาข้อยุติได้
”ผมเชื่อว่าภายในปีนี้จะเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นและปีหน้าก็น่าจะจบ ซึ่งใจผมมีความรู้สึกเหมือนกับว่าทำงานยังไม่จบ ซึ่งจบในที่นี้ก็คือสันติสุขของพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็อยากจะเห็นตรงนี้ให้จบแบบสันติสุข โดยเอาประสบการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสมัยก่อนที่เคยทำมาแชร์กันว่าต้องมีการปรับอย่างไร“
ซึ่งวันนี้ทัศนคติของคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เปลี่ยนไปเยอะ เบาลงเยอะ แม้กระทั่งที่ได้คุยกับทางกลุ่มผู้บริหารโรงเรียนปอเนาะและโรงเรียนตาดีกาต่างๆก็รู้สึกได้ว่าเปลี่ยนไปเยอะมาก และภายในปีนี้ทุกอย่างคงจะเห็นได้ชัดขึ้น เพราะอย่าง
โดยนายยูซูฟ กัลลา อดีตรองประธานาธิบดีสาธารณรัฐอินโดนีเซียก็อาสาเข้ามาช่วยเหลือ และมาจากอีกหลายที่โดยมีการให้คำแนะนำอย่างห่างๆ และแน่นอนเจ้าหน้าที่ที่ทำงานลงพื้นที่เขาต้องทำงานโดยตรง
นายทักษิณ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีเหตุการณ์ระเบิดที่ในพื้นที่อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา และท่าอากาศยานนราธิวาสว่าเป็นเรื่องสัญลักษณ์ในเรื่องของบางคนที่อยากให้ผมตกใจ
”บังเอิญผมเป็นคนที่ตกใจยาก ซึ่งไม่รู้สึกกระทบต่อจิตใจเพราะผมเป็นคนใจแข็ง ซึ่งก่อนหน้านี้ผมถูกลอบฆ่ามา 4 ครั้ง ก็ยังรู้สึกเฉย ๆ เลย” นายทักษิณ กล่าว