“ผมเริ่มต้นจากวิกฤติโควิดฯ หยุดจากงานเพลง จึงมาคิดทำธุรกิจขนมปัง อินดี้เตาถ่าน ทำมาสักพักก็มีคนทำตามกันมาก ก็เลยมาคิดทำงานเพลง งานเพลงผ่านสื่อโซเชียลฯ ติ๊กต็อก เฟสบุ๊ค ฯลฯ” อู๋ พันทาง เล่าการเริ่มนำเสนอผ่านแพลทฟอร์มชนิดใหม่เมื่อ 3 ปีก่อน และว่า

เมื่อเริ่มทำติ๊กต๊อกอย่างจริงจังก็ได้ของขวัญมาบ้างแลกเป็นมูลค่าเงินได้ ก็ทำมาเรื่อยๆ พยายามศึกษาวิธีการทำให้น่าสนใจมีคนเข้ามาชมสนับสนุนช่องเราจนเริ่มเติบโต
“ผมได้รับถ้วยรางวัลแรกจากติ๊กต๊อก คือถ้วย Go for the Goal ซึ่งมี 10 คนในประเทศไทย

ต่อมาก็ได้ถ้วยรางวัล Miss & Mister Songkran 2023 เป็นคนเดียวของประเทศไทยที่ได้รางวัลนี้“

ตามมาด้วยถ้วย One Music จากการไลฟ์สดเล่นดนตรี และเป็นตัวแทนอันดับหนึ่งของประเทศในการเล่นโชว์ผ่านติ๊กต๊อกกับทางประเทศญี่ปุ่น ส่วนถ้วยรางวัลใบล่าสุดได้รับจากการเล่นหนังตะลุง เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จากรายการ Gimmick the Mind

คอนเซ็ปต์เป็นการออกแบบการสร้างสรรค์ที่นอกจากการร้องเพลง “ผมเป็นคนใต้ลูกหลานหมอโนรา หนังตะลุง ก็พอคุ้นชินอยู่กับการดูการชักหนังอยู่บ้าง แม้ไม่ได้ชำนาญ แต่ก็ได้ญาติที่เล่นหนังตะลุงมาช่วยให้คำแนะนำแลช่วยฝึกซ้อมการเชิดหนังในเวลา 5 นาที ตามที่รายการวางไว้ แล้วเราก็ทำได้ผ่านรอบแรก จนเข้ารอบ 10 คนสุดท้าย เป็นตัวแทนของประเทศไทย
”ในรอบ 4 คนสุดท้าย ผมใช้การแสดงหนังตะลุงเข้าแข่งขันโชว์ระดับโลก เราไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รางวัลที่หนึ่ง แต่ก็ได้ถ้วยรางวัลนี้มาหนึ่งถ้วย ซึ่งทั่วโลก มีแค่ 20 ถ้วยรางวัล”
อู๋ พันทาง กล่าวต่อว่า เราต้องการนำเสนอความเป็นภาคใต้ และในฐานะคนหาดใหญ่ สงขลาเราก็ทำให้ดีที่สุด รอบแรกใช้คอนเซ็ปต์ นำหนังตะลุงร่วมโชว์กับการเล่นดนตรีเป็นมิวสิควิดีโอ ใช้ตัวละครพระเอกนางเอก เมฆา-โสรยา นำบทโดยฤาษีเข้ามาก่อน มีตัวตลกเข้ามา วางรูปแบบโดยมีญาติที่เป็นครูหนังตะลุงเป็นที่ปรึกษา และขมวดเรื่องให้จบภายในเวลาที่กำหนด
“ที่ได้รับรางวัลมาก็เป็นรอบที่เราเชิดหนังตะลุงพร้อมกับร้องเพลงสดๆ ไปด้วย ซึ่งในการโชว์จะผ่านแม่ข่ายหลักของติ๊กต๊อกที่ประเทศญี่ปุ่น มีประเทศต่างๆ เข้าร่วมโชว์ เช่นจาก เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ฯลฯ”

การโชว์ศิลปะท้องถิ่นของแต่ละประเทศลักษณะนี้อาจจะฟังไม่ออก แต่การสื่อสารผ่านศิลปะต่างๆ ก็ทำให้พอจะเข้าใจเรื่องราวได้ ศิลปะมันเป็นภาษาสากล ทั่วโลกสามารถเข้าถึงได้แม้ว่าศิลปวัฒนธรรมนั้นๆ จะเป็นของพื้นถิ่นอื่น
“ผมพยายามบอกเพื่อนๆ หลายๆ คนว่าในทุกวันนี้ ช่องทางในการสื่อสารการแสดงยังอีกมาก ผมเองทำมาตั้งแต่ติ๊กต๊อกยังไม่ได้รับความนิยมเหมือนทุกวันนี้ ผมทำด้วยความมุ่งมั่นและเชื่อว่าจะต้องสำเร็จจนวันนี้เขาก็เลือกเราไปใช้ในการสื่อสาร คลิปเราผ่านการคัดเลือก ผมคิดว่าบรรดาศิลปินผู้รู้ด้านศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่นก็น่าที่จะใช้การสื่อสารสมัยใหม่ในการนำเสนอได้อีกช่องทาง ก็จะเป็นการสืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่น หรือสามารถขยายออกไปในวงกว้างให้โลกรับรู้ได้ เช่น ทำคลิป รำมโนราห์ ส่งในติ๊กต๊อกหรือช่องทางอื่นๆ เกิดมีคนชอบขึ้นมาก็อาจจะเป็นไวรัลไปทั่วโลก มีคนเชิญไปโชว์ที่ต่างประเทศได้ หากเป็นโชว์ที่ดีจริงๆ” อู๋ พันทาง กล่าวทิ้งท้าย




