“PSU EV จับมือ EVAT”ร่วมพัฒนาบุคลากร

เฟรมข่าวไอเน็ท เว็บ เปลี่ยน 73

หนังสือพิมพ์ภูมิภาค รายสัปดาห์ ของคนใต้ ปีที่ 26 ฉบับที่ 1,322 วันที่ 12 – 18 กุมภาพันธ์ 2567

ศูนย์พัฒนายานยนต์ไฟฟ้ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ( PSU EV) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) ลงนามความร่วมมือกับ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) พัฒนาบุคลากรรองรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างรวดเร็ว เตรียมเปิดสอนหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิตสาขายานยนต์ไฟฟ้า

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา ณ ห้อง Exhibition Hall 3 ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีการลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือระหว่างศูนย์พัฒนายานยนต์ไฟฟ้ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ( PSU EV) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) กับ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT)
พร้อมการอบรมหัวข้อ “โอกาสทางธุรกิจด้านสถานีประจุไฟฟ้าและการซ่อมบำรุงยานยนต์ไฟฟ้าในภาคใต้ โดยผศ.ดร.ชนะ เยี่ยงกมลสิงห์ กรรมการ ประธาน WG5 (คณะทำงาน WG5 ระบบอัดประจุไฟฟ้า) ฝ่ายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย
ผศ.ดร.ชนะ เยี่ยงกมลสิงห์ กรรมการ ประธาน WG5 (คณะทำงาน WG5 ระบบอัดประจุไฟฟ้า) ฝ่ายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย กล่าวว่า

S 81215547 0


สำหรับธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันอาจจะถ้าเป็นสถานีใหญ่ตอนนี้ถือว่าครอบคลุมทั้งประเทศไทยอยู่แล้ว ก็คือมีทั่วประเทศไทยไม่ว่าจะไปภาคไหน “ไม่ว่าจะไปเหนือล่องใต้สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามันครอบคลุมถึงแล้ว แต่ในอนาคตผู้ประกอบการธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่เขาอาจจะเพิ่มจำนวนตู้เพิ่มมากขึ้น”
แต่สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยลงมาอาจจะมองเรื่องการให้บริการที่สร้างความพึงพอใจสำหรับลูกค้า ยกตัวอย่าง เช่น คอนโดมิเนียมใหม่อาจจะมีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เพื่อให้ลูกค้าได้มีโอกาสที่จะมาชาร์จ เนื่องจากลูกค้าบางคนอาจจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาแต่ไม่มีที่ชาร์จ หรือว่าธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างเช่นโรงแรม
“โรงแรมเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะเมื่อ 2 เดือนก่อนผมขับรถมาที่หาดใหญ่ สงขลา ปรากฏว่าไม่มีโรงแรมไหนที่มีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ในโรงแรมเลย”
เพราะว่าลูกค้าหลาย ๆ คน ก็ยังชื่นชอบในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบช้า โดยที่ตัวเองนอนพักผ่อนอยู่ในโรงแรม ซึ่งในระหว่างนั้นก็ชาร์จไฟฟ้าไปด้วย
ซึ่งจริง ๆ แล้วโรงแรมเอาโอกาสตรงนี้ไปหารายได้เพิ่ม เนื่องจากการลงทุนตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบชาร์จช้าจะลงทุนไม่สูง ไม่กี่หมื่นบาท และเราอาจจะมีโปรโมชั่นร่วมกับห้องพัก
“ไม่ขาดทุนเพราะตอนนี้เราซื้อไฟฟ้าอยู่ที่อาจจะหน่วยละ 4 บาท 3 บาทกว่า 4 บาทต่อหน่วย เราก็อาจจะขายได้ในราคา 7-8 บาทต่อหน่วย”


ซึ่งเป็นการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า แล้วลูกค้าก็ชื่นชอบด้วยหากมีบริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เพราะว่าในอนาคตการหาพิกัดโรงแรมอาจจะต้องหาพิกัดสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไปพร้อม ๆ กัน
รวมถึงห้างสรรพสินค้าเราอาจจะเริ่มเห็นแล้วว่าหลาย ๆ ห้างสรรพสินค้า เริ่มที่จะมีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น แต่อาจจะเป็นสถานีชาร์จแบบชาร์จช้า เพราะลงทุนไม่สูง
อันนี้ก็เป็นในเรื่องของโอกาสทางธุรกิจด้านสถานีประจุไฟฟ้า รวมถึงร้านอาหารด้วยที่อาจจะต้องมีการบริการให้บริการลูกค้าในลักษณะแบบนี้


สำหรับอัตราการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้ากับสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันนั้นตอนนี้ยังถือว่าสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ายังไม่เพียงพอกับการเติบโตของธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า
“ยังขาดอยู่ คือ บางทีเราจะเห็นได้ชัดว่า คำว่ายังขาดอยู่หมายถึงจำนวนตู้ชาร์จอาจจะมีน้อยเกินไป ซึ่งปกติคนที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจะชาร์จที่บ้าน เว้นเสียว่าต้องเดินทางไกลถึงจะชาร์จตู้แบบชาร์จเร็ว”
ซึ่งตรงนี้อาจจะมีโอกาสน้อย อาจจะ 5 เปอร์เซ็นต์ หรือ 10 เปอร์เซ็นต์ หรือ 20 เปอร์เซ็นต์ แต่โดยทั่วไปประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์คือชาร์จที่บ้านในชีวิตประจำวัน ยกเว้นว่าต้องเดินทางไกลจริง ๆ ก็จะต้องไปชาร์จข้างนอก
เพราะฉะนั้นแล้วการชาร์จเร็วจะอยู่ตามถนนสายหลัก ซึ่งอันนั้นผู้ประกอบการขนาดใหญ่เขาทำกันอยู่แล้ว และในอนาคตก็อาจจะเพิ่มจำนวนตู้ให้มากขึ้น


แต่อีกเป็นโรงแรม และร้านอาหาร หรือห้างสรรพสินค้า อันนี้ยังขาดอยู่เยอะ ก็ยังถือเป็นโอกาสทางธุรกิจสำหรับการลงทุนสถานีประจุไฟฟ้า สำหรับการลงนามความร่วมมือระหว่างศูนย์พัฒนายานยนต์ไฟฟ้ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(ม.อ.)กับ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยในวันนี้ เป็นความร่วมมือที่ยังอยู่ในช่วงการเริ่มต้น


ยังอยู่ในขั้นตอนการปรับปรุงในเรื่องเอ็มโอยูกัน รออีกสักระยะหนึ่งทางม.อ.หาดใหญ่ก็น่าจะมีเอ็มโอยูที่ชัดเจนขึ้นว่าจะมีความร่วมมือกับทางสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มเติมอย่างไร
โดยเฉพาะอย่างการเผยแพร่ความรู้อะไรต่าง ๆ เหล่านี้ ซึ่งสมาคมฯยินดีที่จะมาช่วยในเรื่องของการเผยแพร่องค์ความรู้ในเรื่องของการอบรมด้วยแล้วก็ทางสมาคมฯยังมีเครือข่ายที่เป็นผู้ประกอบการทางด้านยานยนต์ไฟฟ้า เพราะว่าตอนนี้ค่ายรถต่าง ๆที่ขายรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ในประเทศไทยก็เป็นสมาชิกของสมาคมฯด้วย
“ผมว่าศูนย์พัฒนายานยนต์ไฟฟ้ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(ม.อ.)มีความพร้อมหลังจากที่เข้าไปดูในพื้นที่แล้ว มีความพร้อมที่จะเป็นศูนย์ฝึกอบรมสำหรับในภาคใต้”


ซึ่งตอนนี้ที่ประเทศไทยยังขาด เราขาดในเรื่องของช่างซ่อมรถยนต์ไฟฟ้าอยู่เยอะมาก เราจะเห็นได้ว่ารถยนต์ไฟฟ้านั้นมาแล้ว ขายได้ดีแล้ว ยอดขายดีแล้ว แต่ว่าช่างซ่อมมันก็ยังน้อยอยู่
โดยรถส่วนใหญ่เวลาที่เจ้าของรถใช้ไปประมาณ 3 ปี เขาก็ที่เริ่มมาซ่อมกันที่อู่นอกกันแล้ว ตรงนี้ก็อาจจะต้องเริ่มสร้างบุคลากรเพิ่มเติมขึ้น เพื่อที่จะรองรับปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นต่อไปในอนาคต
ผศ.สาวิตร์ ตัณฑนุช ผู้อำนวยการ ศูนย์พัฒนายานยนต์ไฟฟ้ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(ม.อ.) กล่าวว่า ในส่วนของ ศูนย์พัฒนายานยนต์ไฟฟ้ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) เราก็ต้องมีพันธมิตร
เพราะเราเองเราก็ต้องยอมรับว่า เราก็คงไม่ได้เก่งคนเดียว และอีกอย่างก็คือว่าทางสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยนั้นก็มีประสบการณ์ มีข้อมูลในเชิงกว้าง แล้วก็มีความร่วมมือกับต่างประเทศ “ในโอกาสที่เราก็เราได้เจอกับทาง ผศ.ดร.ชนะ เยี่ยงกมลสิงห์ ซึ่งท่านก็ได้ให้คำแนะนำในการที่จะวางกรอบการทำงานของศูนย์พัฒนายานยนต์ไฟฟ้ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) รวมถึงเทคโนโลยีเป็นแผนที่หลักให้เรา” ในอนาคตทางศูนย์พัฒนายานยนต์ไฟฟ้ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) เองก็ต้องวางแผนในการดำเนินการที่ไม่มาวางแผนเรื่องที่แปลงรถอีกต่อไป


เนื่องจากว่าการแปลงรถเอง เรื่องของความปลอดภัยก็เป็นเรื่องที่สำคัญ อีกอย่างนโยบายของทางภาครัฐเองก็ไม่ได้สนับสนุนการแปลงรถแต่การแปลงรถถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการที่จะทำความเข้าใจรถยนต์ไฟฟ้าอย่างลึกซึ้ง และถ่องแท้ เพราะฉะนั้นในเชิงพาณิชย์แล้วเราก็คงจะเรียนรู้เรื่องการแปลงรถ แต่ไม่ได้เน้นการแปลงรถ
เพื่อให้เกิดการเรียน การสอน การวิจัย หรือการพัฒนาต่อไปในอนาคตได้ ก็ต้องอาศัยความร่วมมือทั้งจากสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าเอง จากผู้ประกอบการทั้งหลายที่เป็นอู่ทั่ว ๆไป
รวมถึงผู้ประกอบการที่เป็นผู้นำเข้าหรือผลิตหรือประกอบยานยนต์ไฟฟ้า โดยในตอนนี้จะเป็นความร่วมมือทางด้านวิชาการก่อน กับการฝึกอบรม เพราะทางสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยก็มีการส่งนักศึกษาไปเรียนและฝึกอบรมที่ผู้ประกอบการจากประเทศจีนโดยตรง เพิ่งจะจบไป 1 รุ่น “ตอนนี้ทางศูนย์พัฒนายานยนต์ไฟฟ้ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) เรายังไม่ได้เข้าไปร่วมกับกลุ่มนั้น เนื่องจากเรายังติดปัญหาเรื่องของการทำงานในกรอบที่ทางมหาวิทยาลัยฯกำหนดไว้อยู่”
แต่คิดว่าในรุ่นถัดไปหรือ 2-3 รุ่นถัดไปเราคงไปร่วมกับกลุ่มนี้อย่างแน่นอน สำหรับพันธกิจของศูนย์พัฒนายานยนต์ไฟฟ้ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.)


เราเรียกว่าเรามี 4 T อันที่

1 ก็คือ traning การฝึกอบรมไม่ว่าจะเป็นจากบุคลภายนอก ไม่ว่าจะเป็นการผลิตนักศึกษา ซึ่งเราวางหลักสูตรไว้ เราจะรับ ปวส.ภายในปี 2568หรือ 2569 เพื่อมาเรียนอีกประมาณ 2-3 ปี แล้วก็จะได้หลักสูตรเป็นวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิตสาขายานยนต์ไฟฟ้า ตอนนี้เรากำลังขออนุมัติจากสภาวิศวกรอยู่

2.tasting (ทดสอบ) ที่เป็นหัวใจสำคัญพอรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้บริการอู่หรือศูนย์บริการ บางครั้งก็ยังขาดเครื่องไม้เครื่องมือ ทางศูนย์พัฒนายานยนต์ไฟฟ้ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) เราได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากมหาวิทยาลัยฯเอง หรือจากภาครัฐ ทำให้เรามีเครื่องไม้เครื่องมือที่ไฮเทค ราคาแพงมาก ซึ่งโอกาสที่ภาคเอกชนจะเข้าถึงจะน้อย ตอนนี้เราก็จะให้บริการเป็นความร่วมมือ

3.talen ก็คือ เวลาเรามีองค์ความรู้พวกนี้ แทนที่ราจะวิจัยประเภทที่ตีพิมพ์อย่างเดียวมันก็ไม่ตอบโจทย์กับชุมชน เราก็พยายามทำให้องค์ความรู้เหล่านั้นสามารถเข้ามาตอบโจทย์ชุมชนได้
อย่างเช่น เราทำเรื่องเรือหางยาวไฟฟ้า เรือไฟฟ้า เรื่องของโดรนขนาดใหญ่ เรื่องของตัวรถวิลแชร์สำหรับผู้พิการเครื่องไฟฟ้า เราก็จะมีโจทย์เหล่านี้


4.trouble shootimg (แก้ไขข้อขัดข้อง) ปัญหาของผู้ใช้ทางด้านยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งหมดมารวมกับเราก็เรียกว่าพันธกิจมี 4 T สำหรับศูนย์พัฒนายานยนต์ไฟฟ้ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.)
เพิ่งเปลี่ยนจากศูนย์ยานยนต์อัจฉริยะมาเป็นศูนย์พัฒนายานยนต์ไฟฟ้ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมานี่เอง
แต่โดยโครงสร้างพื้นที่ฐานของเราจะเป็นศูนย์ยานยนต์อัจฉริยะมาก่อน เนื่องจากตอนนี้เรามีความรู้สึกว่าการที่เรามาดูเฉพาะยานยนต์อย่างเดียวมันเริ่มไม่ตอบโจทย์แล้ว เพราะว่าในชีวิตประจำวันอย่างเช่น ชีวิตของคนทางภาคใต้เรามีเรือ เป็นต้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *