(สงขลา)-ผวจ.สงขลาถกทางออก เข้าออกด่านฯปาดังเบซาร์

รูปปก 2

สงขลา-ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาแนวทางการอำนวยความสะดวกเข้าออกผ่านด่าน ณ จุดตรวจด่านศุลกากรปาดังเซบาร์ หลังจากคณะกรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎรลงพื้นที่รับฟังปัญหาการเก็บค่าธรรมเนียม 25 บาทสร้างผลกระทบประชาชนในพื้นที่

สงขลา-ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาแนวทางการอำนวยความสะดวกเข้าออกผ่านด่าน ณ จุดตรวจด่านศุลกากรปาดังเซบาร์ หลังจากคณะกรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎรลงพื้นที่รับฟังปัญหาการเก็บค่าธรรมเนียม 25 บาทสร้างผลกระทบประชาชนในพื้นที่

เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุม ศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการอำนวยความสะดวกเข้าออกผ่านแดน ณ จุดตรวจลงตราด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา

หลังจากที่เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2566 คณะกรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร เดินทางศึกษาดูงานเรื่อง “บทบาทและภารกิจของเทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ในการพัฒนาท้องถิ่นตามยุทธศาสตร์”

ซึ่งทางคณะกรรมาธิการได้รับฟังการบรรยายสรุปข้อมูล ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรณีการจัดเก็บค่าธรรมเนียม ณ จุดตรวจลงตรา พาหนะการเข้าออกครั้ง 25 บาทและผู้โดยสารคนละ5บาท

ได้สร้างผลกระทบให้กับประชาชนในพื้นที่ ๆ มีความจำเป็นต้องเดินทางเข้าออกเพื่อไปประกอบธุรกิจในประเทศมาเลเซียประจำวัน ๆ ละหลายครั้ง

จึงเห็นควรให้มีการศึกษา วิเคราะห์ รวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาด้วยการพิจารณายกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายและกฎกระทรวง หรืออนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง

เพื่อยกเลิกการจัดเก็บอัตราค่าธรรมเนียมดังกล่าว หรือกำหนดให้มีการผ่อนผันยกเว้นอัตราค่าธรรมเนียม หรือกำหนดมาตรการอื่นใดเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวนักลงทุนและผู้ประกอบการธุรกิจ

อันเป็นมาตรการส่งเสริมฟื้นฟูและกระตุ้นสภาวะทางเศรษฐกิจบริเวณด่านศุลกากร เพื่อให้นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการธุรกิจได้รับบริการที่สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น อันจะก่อให้เกิดผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในบริเวนด่านศุลกากร

โดยมีนายสุรินทร์ สุริยะวงศ์ นายอำเภอสะเดา, นายอรรถพล พร้อมมูล นายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์, นายเชาว์ เฉลิมเกียรติ นายด่านศุลกากรปาดังเบซาร์, นายเผดิมเดช มั่งคั่ง นายด่านศุลกากรสะเดา, นายสาธิต ลิ่ววัฒนะโชตินันท์ นายกเทศมนตรีตำบลสำนักขาม

พร้อมด้วยนายสมพล ชีววัฒนาพงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา, ดร.สิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา และตัวแทนตรวจเข้าเมืองจังหวัดสงขลา, สถานีตำรวจภูธรปาดังเบซาร์ และฝ่ายความมั่นคง เข้าร่วม

นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า จากการที่ทางคณะกรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร ได้ลงพื้นที่มาตรวจเยี่ยมและรับฟังปัญหาในพื้นที่ของเรา

และได้มีข้อเสนอต่าง ๆ กลับขึ้นไปผ่านไปทางกระทรวงมหาดไทย ซึ่งผมได้รับการประสานจากกระทรวงมหาดไทย ให้มารับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนอีกครั้งหนึ่งในการปฏิบัติของพื้นที่ของหน่วยต่าง ๆที่เกี่ยวข้อง

เพื่อหาทางออกอย่างไร หรือจะหาข้อสรุปอย่างไร ทางกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรงในเรื่องของกฎกระทรวงมหาดไทย

“ในฐานะที่เป็นข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือหน้าที่ ๆ เกี่ยวข้อง จึงต้องมาฟังจากพวกเราด้วยตัวเอง ว่าเป็นอย่างไร อะไรต่าง ๆ” ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องมาในวันนี้ ด้วยข้อสั่งการที่เร่งด่วน ที่ต้องการข้อสรุปในบางประการ

นายอรรถพล พร้อมมูล นายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ กล่าวว่า อยากเสนอทางแก้ไขและร่วมแก้ไข เพราะต้องยอมรับความจริงว่ามีปัญหาจริง ๆ คือประชาชนในพื้นที่เดินทางไปทำมาหากินในประเทศมาเลเซียประมาณ 500-800 คน โดยเดินทางเข้าไปแบบเช้ากลับเย็น บางรายเข้าออกหลายครั้งต่อวัน

“เมื่อก่อน 25 บาท เราไม่เคยมีการเก็บ เราเพิ่งมาเก็บหลังจากเปิดด่านเมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ก็เริ่มเก็บ พอตอนนี้การเก็บ 25 บาท ได้สร้างผลกระทบต่อคนในพื้นที่เป็นพ่อค้าหาเช้ากินค่ำ”

ซึ่งแต่ละวันมีกำไร 200-300 วัน แต่ต้องมาเสียวันละ50 บาท ถ้าเข้าออก 2 ครั้งก็ 100 บาท นี่คือผลกระทบที่เกิดขึ้น และได้นำเสนอต่อคณะกรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร ให้ช่วยแก้ไขเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับคนพื้นที่ ๆ หาเช้ากินค่ำ

ส่วนแนวทางแก้ไขเสนอเป็น 3 ข้อ 1.ในระหว่างการพิจารณายกเลิกกฎกระทรวง โดยขอระงับการจัดเก็บ 25 บาทก่อนเป็นเวลา 1 ปี ในระหว่างรอการยกเลิก

2.จัดตั้งเขตฟรีโซนภายระยะทาง 3 กิโลเมตรจากแนวชายแดนที่มีการเข้าออก ไม่ต้องมีการประทับตราหนังสือเดินทางและ 3.พบกันครึ่งทางหนังสือผ่านแดนชั่วคราวที่ออกโดยอำเภอมีอายุ 1 ปี

ในอดีตการใช้หนังสือผ่านแดนชั่วคราวทางมาเลเซียประทับตรา 1 ครั้งมีอายุ 30 วันที่เข้าออกโดยไม่ต้องมีการประทับตรา จึงอยากให้ทางฝ่ายไทยปฏิบัติแบบเดียวกับทางมาเลเซียคือ ประทับตรา1ครั้งใช้ได้ 1 เดือน

ในขณะทางตัวแทนตรวจเข้าเมือง ยืนยันว่า ไม่สามารถยกเลิกการจัดเก็บได้ เนื่องจากเป็นกฎกระทรวงที่ต้องถือปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือนักท่องเที่ยวหากมีการเดินทางเข้าออกนอกราชอาณาจักร และการปฏิบัติดังกล่าวที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่มีความโปร่งใสในการทำงานสำหรับการจัดเก็บเข้าระบบที่สามารถตรวจสอบได้

ส่วนนายสมพล ชีววัฒนาพงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา, ดร.สิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลานั้น เห็นด้วยที่จะให้มีการยกเลิก เพื่ออำนวยความสะให้กับนักท่องเที่ยว

ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ขอให้ นายอรรถพล พร้อมมูล นายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ ได้ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และผู้บัญชาการตรวจคนเข้าเมือง

ในเรื่องการขอยกเว้นการจัดเก็บค่าลงตรานอกเวลาราชการการเข้าออกชายแดนไทย-มาเลเซีย เพื่อให้หน่วยงานที่นำไปพิจารณาและมีความเห็นกลับมา

สำนักข่าวโฟกัส

สมชาย สามารถ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *