สำนักข่าวโฟกัส
สงขลา-กระทรวงพาณิชย์กำหนด 4 ยุทธศาสตร์ แนวทางการส่งเสริมการค้าชายแดนและผ่านแดน ปี 2567 จังหวัดสงขลา เปิดให้บริการค้าชายแดนแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียว (One Stop Service : OSS) ประเทศมาเลเซียคู่ค้าชายแดนอันดับ 1 ของไทย
กระทรวงพาณิชย์จะยังคงเร่งรัดการค้าชายแดนและผ่านแดนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ “ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการค้าและการลงทุนชายแดนและผ่านแดน ปี 2567 – 2570” โดยบูรณาการกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องในการผลักดันการค้าชายแดนและผ่านแดนตามนโยบายของรัฐบาล ภายใต้การขับเคลื่อนของคณะกรรมการส่งเสริมการค้าและการลงทุนชายแดนและผ่านแดน ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 370/2566 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2566

ซึ่งประกอบด้วย 4 ประเด็นยุทธศาสตร์ ดังนี้ ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1 พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้า ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 2 ยกระดับศักยภาพและการอำนวยความสะดวกของด่านชายแดนและระบบขนส่ง/โลจิสติกส์ ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 3 ส่งเสริมและใช้ประโยชน์จากกรอบความตกลงและกรอบความร่วมมือต่างๆ
และประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 4 ส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ชายแดนและประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ การจัดตั้งศูนย์บริการค้าชายแดนแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียว (One Stop Service : OSS) และการเชื่อมโยงเอกสารส่งออก – นำเข้าผ่านระบบ National Single Window (NSW) เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าชายแดน/ ผ่านแดนแบบครบวงจร

ซึ่งในปี 2566 ที่ผ่านมา สามารถเปิดให้บริการศูนย์ OSS ได้แล้วใน 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย ตาก ตราด สงขลา หนองคาย นครพนม มุกดาหาร และอุดรธานี นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบนโยบายให้กับกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งรัดดำเนินการในทุกมิติเพื่อให้การค้าและการลงทุนขยายตัวเพิ่มขึ้น
สำหรับการค้าชายแดน ประเทศ มาเลเซีย ยังเป็นคู่ค้าชายแดนอันดับ 1 ของไทย โดยปี 2566 มีมูลค่าการค้ารวม 287,155 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 14.6 แบ่งเป็นมูลค่าการส่งออก 162,000 ล้านบาท ลดลง ร้อยละ 11.7 สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่น ๆ 12,705 ล้านบาท (+1.69%) น้ำยางข้น 11,527 ล้านบาท (-43.78%) และส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์อื่น ๆ 8,463 ล้านบาท (+5.59%)

ในขณะที่ การนำเข้ามีมูลค่า 125,155 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 18 สินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ เทปแม่เหล็ก จานแม่เหล็กสำหรับคอมพิวเตอร์ 15,115 ล้านบาท (-41.64%) อุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับตัดต่อหรือป้องกันวงจรไฟฟ้า 8,734 ล้านบาท (+1.49%) และเม็ดพลาสติก 6,311 ล้านบาท (-21.82%)
////////