ถึงเวลา‘รื้อ’โพงพางเลสาบ!จังหวัดทำตามกม.-“นายกชาย”ช่วยไม่ได้

เฟรมข่าวไอเน็ท เว็บ เปลี่ยน 33

ครบ 3 เดือน ผ่อนผัน “รื้อ” โพงพาง กีดขวางทางน้ำทะเลสาบสงขลา รองผู้ว่าฯ ย้ำราชการดำเนินการตามกฎหมาย “นายกชาย” รับไม่สามารถหาเงิน 60 ล้านบาทมาช่วยตามข้อเรีบกร้องได้ “บรรจง” ระบุราชการหย่อนยาน เครื่องมือผิดกม.เกลื่อนเลสาบ

นับถอยหลังปราบเครื่องมือประมง 1 0 0

วันที่ 19 พฤษภาคม 2567 ครบกำหนด 3 เดือน ในการแก้ไขปัญหาใดๆ ที่จังหวัดสงขลาประกาศกำหนดการรื้อถอน และ “นายกชาย” สส. เดชอิศม์ ขาวทอง เข้ามาเป็นคนกลางในการช่วยหาทางออกเพื่อลดความเดือดร้อนของชาวประมงที่ใช้เครื่องมือที่ผิดกฎหมายอย่างโพงพาง โดยที่ผ่านมา สำนักงานประมงจังหวัดสงขลาได้ปิดประกาศให้เจ้าของโพงพางทำการรื้อถอนโพงพางในส่วนที่กีดขวางร่องน้ำทะเลสาบสงขลาออกไป ตั้งแต่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 และได้ขยายเวลาอีก 3 เดือน หลังจาก “นายกชาย” ได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ขอให้ยืดระยะเวลาการรื้อถอนออกไป และขอเป็นคนกลางในการเจรจา ซึ่งได้ประชุมกับเจ้าของเครื่องมือโพงพางที่กีดขวางร่องน้ำ โดยข้อสรุป เจ้าของโพงพาง ขอค่าเยียวรายละ 5 แสนบาท

2024 02 a344ade57f611fd


ล่าสุด นายเศวต เพชรนุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เผยว่า จังหวัดสงขลาโดยสำนักงานประมงจังหวัดสงขลา และสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสงขลา ได้วางแนวทางในการรื้อถอนเครื่องมือโพงพาง ที่กีดขวางร่องน้ำเอาไว้พร้อมก่อนหน้านี้แล้ว
“มีจำนวน 13 แถว 158 ช่อง ที่จะรื้อถอน โดยไม่ใช้มาตรการรุนแรง แต่มีมาตรการตั้งแต่เบาไปหาหนัก” นายเศวต กล่าว และว่า
ที่สำคัญ ทางจังหวัดไม่เคยมีแนวทางในการจ่ายเงินเยียวยาแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นการใช้เครื่องมือที่ผิดกฎหมายอยู่แล้ว อีกทั้ง ก่อนหน้านี้หลายปี ก็มีการใช้วิธีการจ่ายเงินเยียวยาให้กับเจ้าของโพงพาง ที่กีดขวางร่องน้ำแล้วทำการรื้อถอนซึ่งครั้งนั้น ได้ใช้เงินจากภาคเอกชน แต่เมื่อจ่ายเงินเยียวยาแล้วก็มีการกลับมาปักโพงพางในจุดเดิมใหม่อีกครั้ง จึงไม่ได้เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน
“ภาครัฐได้มีแนวทางปฎิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายอยู่แล้ว และยืนยันว่าทางจังหวัดจะไม่มีการจ่ายเงินเยียวยา ส่วนคำสัญญา หรือข้อตกลงจาก ฝ่ายการเมือง ชาวบ้านต้องไปถามกันเอง” รองผู้ว่าฯ สงขลา กล่าว

นับถอยหลังปราบเครื่องมือประมง 2 0 0


ด้านตัวแทนชาวประมงที่ใช้เครื่องมือโพงพาง ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตำบลหัวเขา อ.สิงหนคร บอกว่า หลังจากมีการพูดคุยร่วมกับสส.เดชอิศม์แล้ว ก็ไม่เคยมีการพูดคุยใดๆ กันอีกเลย โดยเฉพาะส่วนราชการไม่เคยเข้ามาสอบถามความเห็น และความเดือดร้อน
“อยากจะขอวิงวอนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาว่า อย่ารื้อโพงพาง เพื่อให้ชาวบ้านได้ทำกินเลี้ยงชีพต่อไป โดยชาวบ้านที่นี่ทำประโมงด้วยโพงพางมาหลายชั่วอายุคน หากจะรื้อถอนก็ควรจะมีการเยียวยาหรือมาตรการช่วยเหลือ เพื่อให้สามารถมีรายได้เลี้ยงครอบครัวได้ต่อไป”
ขณะที่ สส.เดชอิศม์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ภายหลัง จากทางจังหวัดได้ประกาศรื้อโพงพาง ตนก็ได้รับร้องเรียนถึงความเดือดร้อนของชาวบ้านที่มีอาชีพทำประมงโพงพาง จึงได้เข้าไปเป็นคนกลางในการเจรจาหาทางออกให้กับชาวบ้านที่ประชุมเจรจาสรุปว่า ชาวบ้านต้องการเงินเยียวยาเพื่อนำไปประกอบอาชีพใหม่ รายละ 500,000 บาท ทั้งหมด 158 ราย หักลบสมัยท่านผู้ว่าฯ ธำรงค์ เจริญกุล ซึ่งได้จ่ายค่าเยียวยาไปก่อนหน้านี้28 ช่อง ยังคงเหลืออีก 130 ช่อง พร้อมกับยืนยันว่า สามารถลดค่าเยียวยาจาก รายละ 500,000 บาท เหลือ450,000 บาท ซึ่งต้องใช้เงินประมาณ 60 ล้านบาท
“ผมยอมรับว่าไม่สามารถหาเงินจำนวนดังกล่าวมาเยียวยาให้ชาวบ้านได้ เนื่องจากมียอดเงินสูงเกินไป จึงต้องปล่อยให้ดำเนินการไปตามกฎหมาย” นายกชาย กล่าว

S 4268036


ทั้งนี้แนวทางที่จังหวัดวางเอาไว้ก่อนหน้านี้คือการปิดประกาศในจุดที่จะรื้อถอน พิสูจน์ทราบตัวเจ้าของ เมื่อครบกำหนดแล้วหากไม่รื้อถอน ก็จะแจ้งความดำเนินคดี ก่อนจะทำการรื้อถอนส่วนจะมีการต่อต้านอย่างไรหรือไม่นั้น คงต้องรอดูสถานการณ์ต่อไป
ด้าน นายบรรจง นะแส เครือข่ายภาคประชาชนในจังหวัดสงขลา ติดตามการแก้ปัญหาเครื่องมือประมงผิดกฎหมายในทะเลสาบสงขลา กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า ส่วนราชการเองหย่อนยาน จนทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาเครื่องมือโพงพางได้
“ไม่เฉพาะโพงพาง วันนี้ไซหนอน ซึ่งเป็นเครื่องมือทำลายพันธุ์สัตว์น้ำวัยอ่อนก็เกลื่อนทะเลสาบสงขลา”

บรรจง นะแส

นายบรรจง กล่าว และว่าวันนี้เครื่องมือประมงผิดกฎหมาย ทั้งโพงพาง ไซนั่ง ไซหนอน และอวนรุน ยังเกลื่อนทะเลสาบสงขลา ในขณะที่การจัดการนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ปฏิบัติกันเอง ซึ่งมีทั้งประมงจังหวัดสงขลา และเจ้าท่า
ภูมิภาค สาขาสงขลา ซึ่งถูกมองว่าไม่เพียงพอกับปัญหาที่เรื้อรังมานาน
“ผู้ว่าฯ สงขลา ควรทำหน้าที่บัญชาการเหตุการณ์ และบูรณาการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างยั่งยืน เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด” นายบรรจง กล่าว


ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *