สำนักข่าวโฟกัสสงขลา
ประชาชนภาคใต้ส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยให้ต่างชาติเช่าอสังหาริมทรัพย์ ได้สูงสุด 99 ปี ชี้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศยังไม่มีที่ดินและที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เสนอนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยทบทวนการแก้กฎหมาย ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงของ สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนในภาคใต้ เก็บแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 420 ตัวอย่างผลการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนมิถุนายน 2567 เปรียบเทียบเดือนพฤษภาคม 2567 และคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้าผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนมิถุนายน 2567 พบว่า

ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวมเดือนมิถุนายน (44.60) ปรับตัวลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤษภาคม (44.90) และเดือนเมษายน (47.50) โดยดัชนีที่มีการปรับตัวลดลงได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายได้จากการทำงาน รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ความสุขในการดำเนินชีวิต ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) การออมเงิน การลดลงของหนี้สิน การแก้ปัญหายาเสพติด และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

โดยปัจจัยลบที่สำคัญ คือ ภาวะค่าครองชีพของครัวเรือนที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีราคาสูงขึ้น ซึ่งประชาชนที่มีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย จำเป็นต้องประหยัดเงิน โดยลดการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันลงจึงทำให้การใช้จ่ายของประชาชนมีแนวโน้มที่ลดลง ซึ่งหากไม่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วนเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนในประเทศ ย่อมทำให้หนี้สินครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งในขณะนี้ภาระหนี้สินของประชาชนมีมากกว่าร้อยละ 91 ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) โดยส่วนหนึ่งเป็นหนี้นอกระบบ ถึงแม้ภาครัฐได้มีมาตรการช่วยเหลือในการไกล่เกลี่ย และจับกุมเจ้าหนี้นอกระบบที่ทำผิดกฎหมาย

แต่ก็เป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ซึ่งหากประชาชนยังมีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย และไม่สามารถกู้เงินในระบบได้ ประชาชนเหล่านี้ก็จำเป็นต้องพึ่งหนี้นอกระบบ แม้ว่าดอกเบี้ยจะสูงมากเพียงใดก็ตามทั้งนี้ประชาชนส่วนหนึ่งคาดหวังว่า นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ให้กับประชาชน 50 ล้านคน จะก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ และสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างทั่วถึงตั้งแต่ระดับฐานรากขึ้นไป และกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ ส่งผลให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ และหมุนกลับมาเป็นเงินภาษีให้กับภาครัฐต่อไปจากการสัมภาษณ์ประชาชนภาคใต้ในหลายสาขาอาชีพ เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับความกังวล ความคาดหวัง และความต้องการของประชาชน มีดังนี้

1.ประชาชนส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับการแก้กฎหมายขยายระยะเวลาการเช่าอสังหาริมทรัพย์ให้กับชาวต่างชาติ จากเดิมต่างชาติสามารถเช่าได้สูงสุด 30 ปี เปลี่ยนเป็นสามารถเช่าได้สูงสุด 99 ปีซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากเกินกว่าอายุขัยของชีวิตคน หากกฎหมายฉบับนี้ถูกประกาศใช้ ก็จะทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมากซึ่งจะทำให้คนไทยส่วนใหญ่ที่เป็นเจ้าของประเทศแทบจะหมดโอกาสที่จะมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และต้องไปเช่าที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติแทน ทั้งที่ความเป็นจริง ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศยังไม่มีที่ดินและที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองเลย ทั้งนี้ ประชาชนต้องการให้นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยทบทวนการแก้กฎหมายดังกล่าว โดยขอให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ มากกว่านายทุนต่างชาติและผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

2.ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับนโยบายหวยเกษียณที่จัดทำขึ้นเพื่อออมเงินไว้ใช้ยามเกษียณ ซึ่งหวยเกษียณนั้นเป็นสลากสะสมทรัพย์ยามเกษียณโดยส่งเสริมการออมให้กับคนในวัยทำงานที่ไม่มีบำเหน็จ บำนาญเพื่อให้มีเงินไว้ใช้จ่ายในยามเกษียณ ซึ่งจะมีการออกรางวัลทุกสัปดาห์โดยมีรางวัลที่ 1 รางวัลละ 1 ล้านบาท จำนวน 5 รางวัล และรางวัลที่ 2 รางวัลละ 1,000 บาท จำนวน 10,000 รางวัล สำหรับผู้ที่ซื้อสลากใบละ 50 บาทขณะที่จุดเด่นของหวยเกษียณ คือ หากไม่ถูกรางวัล เงินที่ซื้อสลากจะไม่หายไป แต่จะถูกเก็บสะสมเป็นเงินออม และสามารถถอนเงินออกมาได้เต็มจำนวนเมื่ออายุครบ 60 ปีทั้งนี้ ประชาชนส่วนหนึ่งมองว่า การออกรางวัลทุกสัปดาห์จะเป็นการมอมเมาประชาชนมากจนเกินไป โดยให้ภาครัฐพิจารณาการออกหวยทุก 2 สัปดาห์ แต่ให้เพิ่มเงินรางวัลให้มีความน่าสนใจและมีความหลากหลายมากขึ้นโดยจำนวนเงินที่ต้องจ่ายยังคงเท่าเดิม อาทิ รางวัลที่ 1 ( 5 ล้านบาท จำนวน 1 รางวัล) รางวัลที่ 2 ( 1 ล้านบาท จำนวน 5 รางวัล) รางวัลที่ 3 (1 แสนบาท จำนวน 100 รางวัล) รางวัลที่ 4 (1 พันบาท จำนวน 10,000 รางวัล) เป็นต้น

3.จากการที่ภาครัฐจะเปิดให้มีหวย 3 ตัวหรือสลากกินแบ่งรัฐบาล 3 หลัก แต่ละหลักมี 10 หมายเลข ตั้งแต่ 0 ถึง 9 เป็นการจำหน่ายเฉพาะแบบดิจิทัล โดยให้ผู้ซื้อสามารถเลือกหมายเลขแต่ละหลักได้ และสามารถเลือกหมายเลขซ้ำกันได้โดยสามารถลุ้นรางวัลได้ 4 ประเภท ได้แก่ 1) รางวัล 3 ตัวตรง 2) รางวัล 3 ตัวสลับหลัก หรือที่เรียกว่า โต๊ด 3) รางวัล 2 ตัวตรง และ 4) รางวัลพิเศษ (แจ๊คพอต)โดยจะสุ่มหมายเลขจากสลากที่ถูกรางวัล 3 ตัวตรง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดการเล่นหวยใต้ดิน และการพนันผิดกฎหมายให้น้อยลง รวมถึงเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ประเทศอย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนหนึ่งมองว่า การพนันจะถูกหรือผิดกฎหมายก็เป็นอบายมุข และเป็นสิ่งเสพติดอย่างหนึ่ง และการที่ภาครัฐได้ส่งเสริมการพนันแบบถูกกฎหมาย ย่อมทำให้เกิดนักพนันหน้าใหม่จำนวนมากโดยเฉพาะนักพนันที่เป็นเด็กและเยาวชน ดังนั้น ภาครัฐควรมีมาตรการป้องกัน และแนวทางการแก้ปัญหาจากผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น

4.ร้านค้าขนาดเล็ก หาบเร่แผงลอยที่ตั้งอยู่ริมถนน และบริเวณทางเท้าจำนวนมากมีความสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท แต่ยังไม่เคยขึ้นทะเบียนกับภาครัฐทั้งนี้ ผู้ค้าขายเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลของภาครัฐ อีกทั้ง ไม่มีความรู้ความเข้าใจในการขึ้นทะเบียนร้านค้าจึงขอให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องช่วยลงพื้นที่ไปยังร้านค้าต่าง ๆ และช่วยดำเนินการขึ้นทะเบียนให้กับร้านค้า หาบเร่แผงลอยอย่างทั่วถึงผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 34.50 และ 31.30 ตามลำดับส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น คิดเป็น ร้อยละ 30.40 และ 36.80 ตามลำดับในขณะที่ความเชื่อมั่นด้านความสุขในการดำเนินชีวิต การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 34.20, 37.40 และ 34.10 ตามลำดับ
