‘จุฬาฯ’เป็นเครื่องมือเปลี่ยนแปลงสังคมกอจ.สงขลาแถลงส่ง“ดร.วิสุทธิ์”รับคัดสรร

เฟรมข่าวเพจ 2023 6

“ดร.วิสุทธิ์” หวังนำสังคมฝ่าวิกฤติรุมเร้า พร้อมพิสูจน์ตนเองด้วยผลงานที่ผ่านมา กอจ.สงขลายืนยันไม่เปลี่ยนมติฯ เรียกร้องคณะกรรมการสรรหาพิจารณาอย่างเป็นธรรม “ชูรอ” ที่แท้จริงมุ่งประโยชน์สังคม

image 20

8 พ.ย. 66 ดร.วิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ อิหม่ามมัสยิด
บ้านเหนือ กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย จัดแถลงข่าวในฐานะแคนดิเดตการสรรหาจุฬา
ราชมนตรี คนที่ 19 พร้อมกับ นายอับดุลหาหลีม ลาเต๊ะ กรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา และ นายวันอับดุลเลาะฮ์ หละติหมะ นายกสมาคมสันนิบาตเสรีชนแห่งประเทศไทย,เลขานุการมูลนิธิเบิกฟ้าอิสลาม ณ สำนักงานคณะกรรมการอิสลาม ประจำจังหวัดสงขลา โดยมีคณะกรรมการอิสลามฯ สื่อมวลชน และประชาชนเข้าร่วมรับฟังและให้กำลังใจกว่าร้อยคน

image 21


ดร.วิสุทธิ์ กล่าวว่า จากมติกอจ.สงขลา เมื่อวันที่
1 พ.ย.ที่ผ่านมา ในการส่งตนเป็นแคนดิเดตในการสรรหาจุฬาฯ จึงได้จัดแถลงถึงเจตนารมณ์ของตนในวันนี้
โดยจากการบริหารงานในฐานะอิหม่ามมัสยิดบ้านเหนือเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมา ได้พัฒนาชุมชนโดยใช้มัสยิดเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาในทุกด้าน เช่นด้านเศรษฐกิจ ได้จัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์ช่วยเหลือสมาชิกในการประกอบอาชีพและกิจการต่างๆ โดยปลอดดอกเบี้ย ด้านการพัฒนาการศึกษาที่ได้จัดตั้งร.ร.กัลยาณชนรังสรรค์มูลนิธิ มัสยิดบ้านเหนือ ด้านสิ่งแวดล้อมที่รณรงค์เรื่องการจัดการลำคลองของชุมชนไม่ให้มีสิ่งกีดขวาง
ด้านสังคม ที่จัดการเรื่องซะกาตช่วยเหลือผู้ยากไร้ขัดสนและอื่นๆ ตามหลักของศาสนาอย่างเป็น
รูปธรรมเป็นเวลากว่าสิบปี มีหน่วยงานองค์กรเข้ามาศึกษาดูงานจากทั้งในและต่างประเทศ
“ดังนั้น หากเรามีเครื่องมือที่จะนำมาใช้พัฒนาในพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ ทั้งภาคใต้ กลาง อีสาน ตะวันออก ตะวันตก และภาคเหนือ ก็จะสามารถวางโครงสร้างให้ชุมชนมีความเข้มแข็งยิ่งขึ้นเพื่อเผชิญวิกฤติต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้โดยใช้แนวทางที่ได้จัดทำสำเร็จมาแล้วที่มัสยิดบ้านเหนือ” ดร.วิสุทธิ์กล่าว และว่า
องค์กรศาสนาจำเป็นต้องทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องหรือผลทางการเมืองใดๆ เพราะหากเป็นเช่นนั้น องค์กรศาสนาย่อมตกอยู่ในความอ่อนแอย่อมไม่สามารถนำสังคมสู่ความมีคุณธรรมได้ เกิดวิกฤติทางคุณธรรมจริยธรรม การคอร์รัปชั่นที่บั่นทอนการพัฒนาของประเทศมายาวนาน มีก็แต่การฟื้นคุณธรรมในวิถีชีวิตของผู้คนและสังคมเท่านั้นที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ ซึ่งจำเป็นต้องใช้องค์กรที่เป็นผู้นำในการวางโครงสร้างและส่งเสริม เป็นแบบอย่างที่ดี มีเจตนาแน่วแน่ และมีศักดิ์ศรี ไม่เป็นเครื่องมือของฝ่ายที่หาผลประโยชน์ ทั้งยืนยันในความสมบูรณ์ครอบคลุมในการดำเนินชีวิตในรูปแบบของอิสลาม ไม่ใช่ความล้าหลัง หรือการ
บ่มเพาะแนวคิดสุดโต่งรุนแรง ซึ่งต้องพิสูจน์ด้วยการวางโครงสร้างโดยการเป็นผู้นำองค์กรศาสนา
“การเข้ามาตรงนี้อาจต้องเผชิญอุปสรรคบ้างซึ่งก็เป็นสัจธรรมของชีวิต เป็นหนทางแห่งพระเจ้าในการพิสูจน์ตัวเองของคนเรา เพราะหากเป็นวิถีทางที่ง่ายก็คงไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้อง แต่ต้องอดทน มีวิริยะอุตสาหะ”
การสรรหาครั้งนี้ มีแคนดิเดตหลายท่าน ซึ่งล้วนแต่มีคุณธรรมความดีเป็นที่ประจักษ์ ในการเลือกคอลีฟะฮ์(ตัวแทน)ยุคประวัติศาสตร์อิสลามก็มีการเสนอผู้มีคุณธรรมขึ้นเพื่อการคัดสรรอย่างหลากหลายเช่นกัน โดยที่ต้องคัดสรรผู้มีความเหมาะสมมากที่สุด ไม่ถือเป็นความแตกร้าวแต่อย่างใด และท่านอดีตจุฬาฯ อาศิส พิทักษ์คุมพล ท่านก็ได้ทำแบบอย่างที่ดีเอาไว้คือ เมื่อท่านได้เป็นจุฬาฯแล้ว ท่านก็นำผู้ที่เป็นแคนดิเดตสรรหาแข่งกับท่านเข้ามาเป็นคณะทำงานร่วมกับท่านจนมีตำแหน่งอยู่ปัจจุบัน”

image 22


ดร.วิสุทธิ์ กล่าวอีกว่า คณะกรรมการประจำจังหวัดเป็นผู้มีวุฒิภาวะในการพิจารณาผู้มีความเหมาะสมกับตำแหน่งที่จะทำประโยชน์ให้กับสังคม ซึ่งเราเองต้องขอดุอาอ์ว่าหากเราได้รับตำแหน่งแล้ว จะได้นำเครื่องมือนี้ไปทำประโยชน์ให้กับส่วนรวมได้ก็ขอจากพระองค์ว่าให้ได้ผลสำเร็จตามนั้น แต่หากไม่สามารถทำงานเพื่อส่วนรวมได้แล้วเราก็ไม่สมควรจะเป็น
“ก็ขอให้พี่น้องประชาชนได้ผู้นำที่ดีที่สุด เพราะสังคมบอบช้ำมามาก เกิดวิกฤติอย่างมากมายแล้วหากไม่รีบจัดการก็อาจสายเกินไป”
ต่อคำถามเรื่องการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดร.วิสุทธิ์ กล่าวว่า นี่เป็นปัญหาเชิงประวัติศาสตร์ เรื่องอัตลักษณ์ และความคิดบางอย่าง
แนวทางแก้ไขต้องอาศัยเรื่องวัฒนธรรม และการทำความเข้าใจในทางสายกลาง รวมทั้งผู้มีอำนาจไม่ใช้กำลังแก้ปัญหา แต่ใช้วัฒนธรรม ศาสนา หรือ Soft Power เข้ามากล่อมเกลาจิตใจ ทุกฝ่ายเข้ามาบูรณาการร่วมกัน ไม่ใช้ความรุนแรง ให้เห็นว่าทุกคน
เป็นพี่น้องร่วมชาติ
“ความจริงแล้วประเทศไทยให้เสรีภาพในการนับถือศาสนาค่อนข้างมากกว่าประเทศมุสลิมอีกหลายประเทศ สามารถสร้างตัวตนและเอกลักษณ์ของตัวเองอย่างเต็มที่อยู่แล้วตามกรอบของรัฐธรรมนูญ” ดร.วิสุทธิ์ กล่าว
นายอับดุลหาหลีม กล่าวว่า ในนามคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา เรามีมติเอกฉันท์ในวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ส่ง ดร.วิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ เป็นแคนดิเดตฯ และได้เริ่มรณรงค์เดินทางพบปะกับคณะกรรมการในพื้นที่จังหวัดต่างๆ และจะได้ดำเนินการรณรงค์ต่อไป แม้จะมีกระแสข่าวต่างๆ ออกมาว่าจะมีการทบทวนมติ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
“เรายืนยันในการส่งท่านดร.วิสุทธิ์ เป็นแคนดิเดต ซึ่งท่านมีความเหมาะสมที่สุด ทั้งคุณวุฒิ วัยวุฒิ
มีความรู้ความสามารถที่จะนำพาพี่น้องทั้งประเทศ ผมเองและท่านดร.วิสุทธ์ได้เริ่มเข้ามาเป็นคณะกรรมการอิสลามฯ ตั้งแต่ปี 2542 เห็นผลงานมากมายจากโครงการของท่านทั้งในวงกว้าง รวมทั้งสิ่งที่ท่านได้ทำประโยชน์ให้แก่ชุมชนของท่านเอง” นายอับดุลหาหลีม กล่าว
นายวันอับดุลเลาะฮ์ กล่าวว่าได้ร่วมจัดทำโครงการต่างๆ ในการช่วยเหลือสังคมกับดร.วิสุทธิ์มายาวนาน ล่าสุด ได้จัดโครงการหาทุนมอบให้เด็กกำพร้า ท่านไม่เคยทิ้งสังคมและได้เดินทางไปทั่วประเทศในนามเครือข่ายช่วยเหลือมนุษยธรรม สำนักจุฬาราชมนตรี มีแนวคิดพัฒนาองค์กรและสังคม ซึ่งสำเร็จเป็นที่ยอมรับ เป็นแบบอย่าง มีความเหมาะสมในตำแหน่งผู้นำสูงสุดขององค์กรศาสนาอิสลาม ท่านเตรียมวางโครงสร้างแก้ปัญยาเสพติด
ชุมชนมุสลิม นอกเหนือไปจากโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และสังคมส่วนอื่นๆ ที่ท่านได้ทำมาแล้ว
“โดยส่วนตัวผมมองว่าในการคัดสรรองค์กรศาสนาต้องมีความอิสระของคณะกรรมการคัดสรรในการตัดสินใจ เป็นสภาชูรอที่แท้จริง ปราศจากอามิสสินจ้างหรืออำนาจใดๆ เข้ามาแทรกแซง เพื่อเกิดประโยชน์อย่างแท้จริงต่อพี่น้องประชาชนเพราะหากไม่เป็นเช่นนั้นเราก็มองไม่เห็นอนาคตของสังคม” นายวันอับดุลเลาะฮ์ กล่าว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *