ปราศรัย‘นายกชาย’เวทีปชป. จาก“หลานเสือ”ถึงลุงถาวร!
กลายเป็นกระแส…เมื่อ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อม นายนิพนธ์ บุญญามณี กับ นายเดชอิศม์ ขาวทอง(นายกชาย) รองหัวหน้าพรรคฯ และบรรดาว่าที่ผู้สมัครส.ส. จังหวัดสงขลา ออกลีลาท่าเต้น ประกอบเอ็มวี “เช้าวันใหม่” บนเวทีปราศรัยเย็นวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566 โหมกระแส สนามเลือกตั้งในจังหวัดสงขลา
และนอกจากแกนนำพรรคประชาธิปัตย์จะร่วมกันออกลีลาลั่นกลองสะบัดชัยแล้ว ยังมีประเด็นให้ไฮไลท์ ให้คนสงขลาได้ฮือฮา เมื่อ นายกชาย ได้พูดปราศรัย “นอกสคริป” ระบายความในใจถึง นายถาวร เสนเนียม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี
วันต่อมา นายถาวร ได้ออกมาโพสเฟสบุ๊คตอบโต้ตอกย้ำ “ขอกันกินมากกว่านี้” พร้อมอวยพรส่งท้าย ให้ “นายกชาย” ประสบความสำเร็จ กลายเป็นประเด็นควันหลง ที่มีประชาชนและคอการเมืองพูดถึงและวิจารณ์กันมาก ถึงความสัมพันธ์ของพี่น้องคู่นี้ที่อาจจะจืดจางไปตามเส้นทางการเมือง
“ครอบครัวของผมกับครอบครัวลุงถาวร มีความสนิทผูกพันกันมานาน ทั้งลุงถาวร และลุงวินัย(นายวินัย เสนเนียม อดีตส.ส.สงขลา) ที่พ่อ(นายกชาย) ก็ให้ความรักและเคารพลุงทั้งสองท่านเป็นอย่างมาก จนกระทั่งลุงวินัยเสียชีวิต ครอบครัวของเราก็ยังรักผูกพันกับลุงถาวร เสมือนพี่ชายและอาจารย์ คอยสนับสนุนในทางการเมืองและงานต่างๆ มาตลอด” นายวงศ์วชิระ ขาวทอง หรือ “สจ.เสือ” สมาชิกสภาอบจ.สงขลา อำเภอรัตภูมิ “บุตรชายคนโต” นายกชาย กล่าวถึงนายถาวร เสนเนียมว่า
“ตัวผมเองก็ให้ความเคารพรักลุงถาวรมาก โดยเฉพาะด้านการเมือง ซึ่งที่ผ่านมาผมและพ่อเข้าไปปรึกษาลุงถาวรตลอด แม้แต่ในอินสตาแกรม ของผม ซึ่งไม่เคยโพสต์ภาพนักการเมืองคนไหน มีแต่ลุงถาวรคนเดียวอยู่ในใจตลอด”
สจ.เสือ พูดถึงสาเหตุที่มาของประเด็นนี้ โดยย้อนเหตุการณ์การเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 6 จังหวัดสงขลาว่า ขณะที่คดีของลุงถาวร ยังไม่ตัดสิน ลุงถาวรมาพูดกับพ่อ ในการหาตัวผู้สมัคร ส.ส. เขต 6 โดยมีโจทย์สำคัญคือ ต้องเป็นคนที่สามารถทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชนให้ได้ดีที่สุดและต้องได้รับชัยชนะด้วย หากลุงถาวรถูกตัดสิทธิ์จริงๆ ซึ่งปรากฏว่ายังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ในขณะนั้น
กระทั่งผู้นำท้องถิ่นทุกคนในพื้นที่ลงมติกันอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าให้ นางสาวสุภาพร กำเนิดผล หรือพี่“น้ำหอม” เป็นคนที่เหมาะสมที่สุดแล้วที่จะเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนในเขตนี้ พ่อก็ยังโทรไปปรึกษาลุงถาวรตลอด ท่านก็บอกว่าท่านเห็นด้วยและยินดีที่จะสนับสนุนน้องสาวของท่านคนนี้อย่างเต็มที่ โดยท่านยังย้ำพ่ออีกว่าเวลาสนทนากันพี่จะส่งเป็นไลน์ไปให้เพื่อจะได้เป็นลายลักษณ์อักษร เกิดวันหนึ่งถ้าเกิดเหตุอะไรเปลี่ยนแปลงหรือพี่โดนตัดสิทธิ์ จริงๆ น้องจะได้เก็บไว้เป็นหลักฐานได้ว่าพี่ยืนยันจะช่วยน้องน้ำหอม เพราะพี่เชื่อว่าน้องน้ำหอมคือคนที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ในการเป็นส.ส. เขต 6 สงขลา
แต่เมื่อลุงถาวรโดนตัดสิทธิ์จริงๆ ก็ปรากฎภาพว่าลุงถาวรจะขอวางตัวเป็นกลางพร้อมชูมือทั้งน้องโบ๊ทและพี่น้ำหอมร่วมเฟรมกัน หากเรื่องนี้เป็นเพราะความเหมาะสมด้านการทำงานผมก็ยินดีนะครับ แต่ความเป็นจริงการวางตัวเป็นกลาง วางตัวเป็นกลางจริงหรือไม่ หรือมีตื้นลึกหนาบางอย่างไร ผมเชื่อว่าประชาชนในเขต 6 ต่างก็รู้ข้อเท็จจริงกันดี
ซึ่งวันนั้นยอมรับว่าแม้แต่ตัวผมเองก็ยังรู้สึกแปลกๆ จนกระทั่งเริ่มเดินหาเสียงจริงๆ ชาวบ้านผู้นำท้องถิ่นทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สงสารพ่อเพราะลุงถาวรไปช่วยสนับสนุนน้องโบ๊ทแล้ว ซึ่งแม้แต่คนใกล้ชิดของลุงถาวรเองก็ได้ยืนยันว่าได้รับคำสั่งจากเบื้องบนโดยตรงให้ช่วยสนับสนุนน้องโบ๊ทอย่างเต็มที่แทนที่จะวางตัวเป็นกลางเหมือนที่ท่านได้กล่าวไว้ในตอนแรก
ซึ่งผมคิดว่านี่คงเป็นสาเหตุของความอัดอั้นตันใจ ที่พ่อระบายออกมาบนเวที เนื่องจากพ่อรักและเคารพลุงถาวร โดยเป็นความรักชนิดที่ว่าสามารถตายแทนกันได้เลย อีกทั้งตลอดที่ผ่านมาพ่อก็ได้ให้การสนับสนุนลุงถาวรมาตลอดทุกเรื่องทุกด้าน และทุกครั้ง แม้แต่ในช่วงเลือกตั้งทุกครั้งก็ไม่เคยปฎิเสธ ทีจะให้ความช่วยเหลือต่อลุงถาวรเลย จริงๆ ผมเข้าใจดีนะครับว่าการเมืองมันไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร แต่ผมก็ไม่เคยคาดคิดว่าคำๆ นี้มันจะใช้ได้รวมไปถึงคนที่เรารักและเคารพเหมือนคนในครอบครัวแบบนี้
ประกอบกับการเลือกตั้งซ่อมครั้งนั้น เป็นครั้งแรกที่พ่อเป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งเองครั้งแรกในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้ พ่อก็คงรู้สึกอึดอัดในใจเป็นธรรมดา เพราะพ่อโดนขุนพลพรรคพลังประชารัฐ (ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลกัน) ยกพลกันมาถล่มพ่อเกือบจะยกทั้งพรรค แค่นั้นก็หนักที่สุดแล้ว ยังต้องมาเจอกระแสคนกันเองที่มาเปลี่ยนขั้วไปอีก
“อย่าว่าแต่พ่อเลยครับที่น้อยใจผมเองก็ใจแหลกสลายเหมือนกัน จริงๆเชื่อว่าเสียใจมากกว่าพ่อด้วยซ้ำ เพราะผมเองรู้ดีว่าพ่อรักและเคารพลุงถาวร และให้การช่วยเหลือท่านตลอดมามากมายขนาดไหน”
หลังจากที่พ่อลงจากเวที ผมก็ได้เข้าไปให้กำลังใจพ่อ ซึ่งพ่อดูมีอาการตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะไม่คิดว่าการปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์เวทีแรกในหาดใหญ่จะมีผู้คนให้การตอบรับมาฟังปราศรัยมากขนาดนั้น ประมาณด้วยสายตาคิดว่าไม่ต่ำกว่า 50,000 คนแน่ๆ เพราะเก้าอี้ 30,000 ตัวดูน้อยไปเลย และไม่เพียงพอยังมีคนอีกกว่าครึ่งที่ไม่มีที่นั่ง ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังอยู่ในหัวใจของพี่น้องชาวหาดใหญ่และพื้นที่อำเภอใกล้เคียงในจังหวัดสงขลา ซึ่งเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นบนเวทีผมเชื่อว่าไม่ได้ส่งผลกระทบมากมายและไม่คิดว่าจะเป็นการขยายความขัดแย้งระหว่างพ่อกับลุงถาวรด้วย เพราะเชื่อว่าประชาชนในเขตพื้นที่จะเข้าใจในเรื่องที่พ่อพูดออกไป เพราะล้วนมาจากข้อเท็จจริง ที่คนในพื้นที่เขต 6 สงขลารู้กันดีอยู่แล้วว่าอะไรคืออะไร
“โดยส่วนตัวและครอบครัวยังรักและเคารพลุงถาวรอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ผมก็เชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วพ่อจะเข้าใจลุงถาวรดีและก็ทำใจได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็คงปฎิเสธไม่ได้ที่จะไม่รู้สึกน้อยใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเลย เพราะว่าบ้านเรานั้นรักและเคารพลุงถาวรมากจริงๆ”
และหากถามถึงความรู้สึกในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งที่เคยสนับสนุน นายภูวดล วงษ์โสภณากุล ให้มานั่งตำแหน่งเลขานายกอบจ.สงขลา ซึ่งวันนี้ได้เปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 6 ด้วย ก็ต้องบอกว่าจริงๆ แล้วผมกับน้องก็สนิทกันดี โดยพ่อเป็นคนผลักดันให้น้องมาทำงานในตำแหน่ง เลขาอบจ.เอง ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่รู้กันดีทั้งอบจ.สงขลา ว่าใครเป็นคนผลักดันให้น้องได้ทำงานในตำแหน่งนี้ตั้งแต่แรก
“ผมเชื่อว่าการเสนอตัวของน้องอั๋น ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ จะไม่มีผลกระทบอะไรกับคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ในเขต 6 เลย กลับถือเป็นข้อดีของพี่น้องคนเขต 6 ที่จะได้มีตัวเลือกให้เลือกเพิ่มมากขึ้น แต่ก็เกรงว่าอาจจะสร้างความสับสนให้คนในเขต6ได้เหมือนกัน เพราะตัวลุงถาวรผู้สนับสนุนให้น้องมาลงเลือกตั้งครั้งนี้มาจากต่างพรรค (พรรคไทยภักดี) กับน้อง ซึ่งเป็นอะไรที่ตัวผมเองก็ไม่เคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน”
สจ.เสือ ยังกล่าวถึงแนวทางและอนาคตทางการเมืองว่า สิ่งที่พ่อพูดกับผมมาตลอด พ่อแทบไม่ได้ปลูกฝังว่า ลูกต้องเป็นนักการเมือง แต่พ่อจะปลูกฝังให้พวกผม เป็นคนที่เห็นแก่คนอื่น เป็นผู้เสียสละมากกว่า พ่อจะพูดเสมอว่า “วัวออกลูกเป็นวัว ควายออกลูกเป็นควาย แต่พ่อเป็นส.ส. ลูกไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. มันไม่ได้โอนกันได้แบบโฉนดที่ดินหรือมรดกนะ ถ้าเราอยากจะเข้ามาสู่เวทีการเมือง ก็ต้องหาจุดยืนและทำด้วยตัวเราเองเท่านั้นไม่เกี่ยวกับพ่อหรือใครๆ ซึ่งบางคนเขาไปโจมตีว่า พ่อกําลังกล่าวพาดพิงถึงคนอื่นหรือเปล่า จริง ๆ คํานี้พ่อใช้พูดกับลูก ๆ ที่บ้านมาโดยตลอด เพราะถ้าเราทำได้ไม่ดีพอสิ่งที่พ่อทำดีเอาไว้จะไม่มีความหมาย แล้วเป้าหมายของผมหากมีโอกาส ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งไหน อยากเห็นสงขลา พัฒนาให้เท่าทันกับภาคอื่น ๆ และต่อไปก็อยากให้เท่าทันกับประเทศอื่นๆ ด้วย”
“ผมขอยึดแนวทางของพ่อ เวลาชาวบ้านมีเรื่องเดือดร้อนไม่ว่าเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ ซึ่งบางเรื่องหากช่วยเหลือทางตรงไม่ได้ก็ช่วยผลักดันทางอ้อมให้ได้ดีที่สุด แต่ต้องให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนก็คือความเดือดร้อนของเรา เพราะพ่อจะบอกตลอดว่าคนเรามีชีวิตเกิดมาชีวิตเดียว พรุ่งนี้ เราอาจจะไม่มีลมหายใจอีกแล้วก็ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราไม่สามารถล่วงรู้อะไรล่วงหน้าได้เลย สิ่งที่เรารู้ได้อย่างเดียวคือ วันนี้ถ้ามีโอกาสอยู่ตรงหน้าเราต้องให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชน คนที่มาขอความช่วยเหลือจากเราให้เต็มที่ที่สุด เพราะนั่นคือความเป็นตัวตนของนายกชาย” สจ.เสือ กล่าว